๒. ๑ การใช้โวหารภาพพจน์ คือ การพลิกแพลงภาษาที่ใช้พูดหรือเขียนเพื่อทำให้ผู้อ่านเห็นภาพพจน์ได้อารมณ์ความรู้สึก หรือได้ข้อคิดลึกซึ้งชัดเจนเป็นพิเศษ มีอยู่ ๙ ลักษณะดังนี้ ๒. ๑. ๑ โวหารภาพพจน์แบบอุปมาโวหาร เป็นการเปรียบเทียบของสองสิ่งที่มีลักษณะคล้ายกันโดยใช้คำว่า เหมือน ดัง เฉก เช่น ราว ประหนึ่ง กล เป็นคำเชื่อมเพื่อแสดง การเปรียบเทียบอยู่เสมอ ดังตัวอย่าง " พี่หมายปองน้องดุจปองปาริกชาติ มณฑาไท้เทวราชในสวนสวรรค์ "(ที่มา: เพลงยาว เจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร) "สิ้นแผ่นดินสิ้นรสสุคนธา วาสนาเราก็สิ้นเหมือนกลิ่นสุคนธ์" (ที่มา: นิราศภูเขาทอง) ๒. ๒ โวหารภาพพจน์แบบอุปลักษณ์โวหาร เป็นการเปรียบเทียบเชื่อมโยงความคิดหนึ่งกับความคิดหนึ่งมักมีคำว่า เป็น คือ เป็นคำเชื่อม ดังตัวอย่าง ".... ลูกคือดวงใจของพ่อแม่.... " ".... ชีวิตคือการต่อสู้ ศัตรูคือยาชูกำลัง... " ๒.
นิกายขาลสา หรือนิกายสิงห์ ได้แก่ นิกายที่ถือการไว้ผมและไว้หนวดยาว 2. นิกายสหัชธรี หรือนานักปันถี ได้แก่ นิกายที่โกนหนวดเกลี้ยงเกลา คัมภีร์ คัมภีร์ของศาสนาสิกข์ เรียกว่า "ครันถสาหิพ" แปลว่า พระคัมภีร์ ส่วนใหญ่บรรจุคำสวดมนต์สรรเสริญพระเจ้า มีพระเจ้าเพียงองค์เดียว คือ สัจจะ พระผู้สร้าง พระองค์ปราศจากความกลัว ความเคียดแค้น เป็นอมฤตไม่เกิด มีขึ้นด้วยพระองค์เอง เป็นผู้ยิ่งใหญ่ ทรงโอบอ้อมอารี พระผู้เป็นสัจจะมีอยู่แล้ว คัมภีร์ครันถสาหิพนี้ แบ่งออกเป็น 2 เล่ม ดังนี้ 1. อาทิครันถ์ แปลว่า คัมภีร์แรก คุรุอรชุน เป็นผู้รวมขึ้นใน ค. 1604 หรือ พ. 2147 มีบทนิพนธ์ของคุรุ หรือศาสดาตั้งแต่องค์ที่ 1 ถึงองค์ที่ 5 และมีบทประพันธ์ของนักบุญผู้มีชื่อแห่งศาสนาฮินดู และศาสนาอิสลามผนวกอยู่ด้วย 2. ทสมครันถ์ แปลว่า คัมภีร์ของศาสดาองค์ที่ 10 เป็นชุมนุมบทนิพนธ์ของศาสดาองค์ที่ 10 คือ คุรุโควินทสิงห์ รวบรวมขึ้นในสมัยหลังจากอาทิครันถ์ ประมาณ 100 ปี ทั้ง 2 คัมภีร์บันทึกคำสอนของคุรุสำคัญสรุปลงในหลักการใหญ่ 4 ประการ คือ 1. เรื่องความสามัคคี 2. เรื่องความเสมอภาค 3. เรื่องความศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้า 4.
(ผู้กล้า) " หมายถึง เจ้าหญิง ต่อท้ายชื่อ ชาวสิกข์ทุกคนต้องทำพิธี "ปาหุล" คือพิธีล้างบาป เมื่อเสร็จพิธีแล้วก็จะรับเอา "กะ" คือสิ่งที่เริ่มต้นด้วยอักษร "ก" 5 ประการ ดังต่อไปนี้ 1) เกศ หมายถึง ต้องไว้ผมยาว โดยไม่ตัดหรือโกนอย่างเด็ดขาด 2) กังฆา หมายถึง ต้องมีหวีติดที่ผม 3) กฉา หมายถึง ต้องสวมกางเกงขาสั้นชั้นใน 4) กรา หมายถึง สวมกำไรข้อมือที่ทำด้วยเหล็กไว้ที่ข้อมือข้างขวา 5) กิรปาน หมายถึง ต้องพกกริชติดตัว การทำพิธีล้างบาปและรับอักษร 5 ก. เพื่อเป็นชาวสิกข์โดยสมบูรณ์นั้น มีขึ้นในภายหลัง คือในสมัยของคุรุโควินทสิงห์ ซึ่งเป็นศาสดาองค์สุดท้ายของศาสนาสิกข์
๖ การใช้คำภาษากวี ภาษากวีเป็นกลุ่มคำพิเศษที่กวีได้เลือกสรรหรือดัดแปลง มาสำหรับคำประพันธ์โดยเฉพาะ ไม่ใช้ในภาษาสามัญปกติทั่วไป การใช้พิเศษนี้มีส่วนสำคัญที่ทำให้คำประพันธ์นั้นสูงส่งสง่างามมีพลัง มีความหมายลึกซึ้งตามที่กวีรู้สึกทำให้คำประพันธ์บทนั้นมีความงดงามด้วยรสคำ ดังตัวอย่าง พระฝืนทุกข์เทวษกล้ำ แกล่ครวญ ขับคชบทจรจวน จักเพล้ บรรลุพนมทวน เถื่อนที่ นั้นนา เหตุอนาถหนักเอ้ อาจให้ชนเห็น (ที่มา: ลิลิตตะเลงพ่าย เพิ่มเติม: กวีเลือกใช้คำเฉพาะในบทร้อยกรอง เช่น เทวษ บทจร พนม คช ซึ่งเป็นภาษาที่ไม่ใช้เป็นคำสามัญในการสื่อสารในชีวิตประจำวัน ๒. ๗ สัทพจน์โวหาร เป็นโวหารที่สร้างภาพพจน์ โดยการใช้คำเลียนเสียงธรรมชาติ ดังตัวอย่าง เกือบรุ่งฝูงช้างแซ่ แปร๋นแปร๋น กรวดป่ามาแกร๋นแกร๋น เกริ่นหย้าน ฮูมฮูมอุ่มอึงแสน สนั่นรอบ ขอบแฮ คึกคึกทึกสะเทือนสะท้าน ถิ่นไม้ไพรพนม ๒. ๘ โวหารภาพพจน์แบบนามนัย เป็นการใช้คำหรือวลีซึ่งบ่งลักษณะหรือคุณสมบัติของสิ่งใด สิ่งหนึ่งแทนอีกสิ่งหนึ่ง คล้ายๆ สัญลักษณ์ แต่ต่างกันตรงที่ นามนัยนั้นจะดึงเอาลักษณะบางส่วนของสิ่งหนึ่งมากล่าว ให้หมายถึงส่วนทั้งหมด ดังตัวอย่าง เมืองโอ่ง: จังหวัดราชบุรี เมืองย่าโม: จังหวัดนครราชสีมา ฉัตร: กษัตริย์ ๒.
๙ โวหารภาพพจน์แบบสัญลักษณ์ เ ป็นการเรียกชื่อสิ่งๆ หนึ่งโดยใช้คำอื่นมาแทน ไม่เรียกตรงๆ ส่วนใหญ่คำที่นำมาแทนจะเป็นคำที่เกิดจากการเปรียบเทียบและตีความซึ่งใช้กันมานานจนเป็นที่เข้าใจและรู้จักกันโดยทั่วไป ดังตัวอย่าง เมฆ หมอก: อุปสรรค สีดำ: ความตาย, ความชั่ว ดอกไม้: ผู้หญิง เพชร: ความแข็งแกร่ง